มองภาพ...มองตัวเอง

เช้านี้ฟ้าสดใสอากาศเย็นสบายผมนั่งจิบชาคลายอารมณ์ที่หลังบ้าน ผมหยิบเจ้ากล้อง DSLR ขึ้นมาเปลี่ยนเลนส์ตัวใหม่เป็นเลนส์ฟิก 50 mm F 1.8 เล็กพริกขี้หนู ราคาสบายกระเป๋า ตอบโจทย์แนวพอทเทรด (Portrait) ถ่ายภาพบุคคลได้ดี 

ใครหลงหยิบไปถ่ายมีสิทธิ์ใจละลายหลงรักนางแบบไม่รู้ตัวเพราะเลนส์ตัวนี้ทำให้นางแบบสวยมีเสน่ห์ แต่ผมกลับนำไปใช้ผิดแนว ดันชอบถ่ายเสาไฟฟ้า ถนนหนทาง ซะงั้น 

ผมอยู่ในช่วงทดสอบ ทดลอง เวลาถ่ายภาพมักมองเป็นกราฟิก(Graphic) มองส่วนสว่างเป็นสีขาว มองส่วนมืดเป็นสีดำ แนวสายไฟระโยงระยางมองว่าเป็นเส้นสาย มองแบบ 2 มิติเป็นรูปร่าง(Shape) มากกว่า 

รูปทรง(Form) มิติ อย่าถามเรื่องหลักทฤษฎีถ่ายภาพเพราะมันไม่ใช่ประเด็น อย่าใส่ใจเรื่องของ Focus, Poor lighting หรือ Composition ภาพเพราะไม่ใช่สาระ 

เวลาถ่ายภาพไม่ได้มาคิดเป็นเรื่องถูกผิดหลักการ ผมลบรายละเอียดเหล่านี้ออกจากความคิดเพื่อให้ได้ความรู้สึกที่เป็นภาพศิลปะ ไม่ยึดติดรูปทรง (Form) 

ผมคิดแนวนี้ไม่รู้ว่าคนอื่นคิดเหมือนผมหรือเปล่า ผมมีพรสวรรค์แบบเข้าใจอะไรยาก ถึงตอนนี้...ผมเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน
Share:

ผีโพง..นะจ๊ะ

ผมมีประสบการณ์มาเล่าเกี่ยวกับการพิสูจน์ที่ไม่ลบหลู่จากปากผู้พบเจอเหตุการณ์ที่ว่าเห็นลูกไฟลอยตรงโน้นโผล่ตรงนั้น ผมและเพื่อนๆจึงออกไปแอบส่องตามที่เขาพบเห็นกัน


ผมกล้าที่จะไปเพราะมันสอดคล้องกับคำพูดของคนเช่าที่นาของผม เขาเล่าให้ฟังว่าตกค่ำราวๆสัก 2- 3 ทุ่ม เขาและสามีมักเห็นลูกไฟลอยเหนือตันไม้อย่างช้าๆลักษณะการลอยสูงต่ำไม่อยู่กับที่เหมือนวนเวียนหาอะไรสักอย่าง

ส่วนมากจะเห็นช่วงวันพระใหญ่ในช่วงต้นฤดูฝน มันทำให้ผมคาใจอยากเห็นกับตาตัวเองอยู่ร่ำๆ ผนวกเรื่องราวทำนองนี้เล่าโจษกันละแวกหมู่บ้าน พวกผมจึงเลื่อนไหลไปแอบส่อง

ผมจัดอุปกรณ์บันทึกภาพเตรียมออกเดินทาง อุ่นใจมีเพื่อนวิ่งร่วมชะตากรรมเมื่อเจอผีหลอก จากการสอบถามคนที่พบเห็นแถวนั้นพวกเราก็พากันวิเคราะห์ความน่าจะเป็นตามประสบการณ์ตนเอง อีกกลุ่มเชื่อว่าเป็นแสงของเครื่องบินอ้างอิงกลิ่นอายวิทยาศาสตร์เจือปน

อีกกลุ่มที่มีผมอยู่ด้วยเชื่อว่ามันเป็นเรื่องของผีๆอ้างอิงความกลัวของตัวเองและเรื่องของไสยศาสตร์ แม้จะต่างความคิดอย่างไรก็ไม่ทะเลาะกันเพราะพวกเราอยู่กลางป่าท่ามกลางความมืดสนิทมีเถียงนาร้างเป็นที่แอบซ่อนกำบังตัวเพื่อพิสูจน์ความจริง

เช่นนี้อยู่สามวันไม่พบอะไรเดี๋ยวไข้ป่าถามหาจึงล้มเลิกไป ไม่ต่างจากหวยอาจารย์โน้นดังรวยกันทุกงวดปล่อยให้เราค้นหาเลขสวยตามแผงล็อตเตอรี่วุ่นวายจนแม่ค้าแอบด่าในใจสุดท้าย..เรียบอาวุธ !

ผมหาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตที่เหมือนกับเหตุการณ์ดังกล่าวและก็พบกับเรื่องราวของผีโพงที่เกิดจากว่านชนิดหนึ่งเรียกว่าว่าน "ผี" ซึ่งมีสีขาว กลิ่นฉุน เมื่อแก่จะมีธาตุปรอทลงกินทำให้เกิดแสงส่องสว่าง ธาตุปรอทไม่แน่ใจว่าเป็นธาตุทางวิทยาศาสตร์หรือทางไสยศาสตร์กันแน่

ผีโพงเป็นผีตามความเชื่อพื้นบ้านที่มักจะออกหากินในคืนที่ฝนตกพรำๆตามท้องทุ่งนากินของสกปรกคาวเช่น กบ เขียดหรือซากสัตว์และรกของเด็กที่เกิดใหม่ ใครนอนเฝ้านาหน้าฝนท่าจะยุ่ง !

ในคืนจันทร์สลัวมองไกลๆจะเห็นเป็นดวงไฟลอยไปลอยมา เวลาออกหาเหยื่อลูกไฟตรงจมูกผีโพงเหมือนดวงไฟที่โผล่ตรงนั้นทีตรงนี้ที

ส่วนเวลากลางวันจะเป็นเหมือนผู้คนธรรมดาๆทั่วไป แต่ตกกลางคืนจะกลายร่างเป็นผีโพงและมักไม่ทำร้ายคนแต่กลับอ้อนวอนคนที่รู้ ขออย่าไปบอกใครว่าตนเองเป็นผีโพง

อย่างไรก็ตามนั่นก็คือความเชื่อพื้นบ้านปรัมปราของผีไทยแบบบ้านๆที่มักจะเจียมเนื้อเจียมตัวอยู่กันตามท้องทุ่งกินอยู่อย่างพอเพียง สร้างความสมดุลของระบบนิเวศ

ไม่เหมือนผีต่างชาติเต้นเหยงๆไล่ผู้คนและงับซอกคอดูดเลือดสดๆวุ่นทั้งซอย สำหรับผมไม่ว่าจะผีไหน ผีไทย ผีเทศ ผมไม่เคยกลัว

กลัวอยู่ผีเดียว คือ.. ผีพนัน .


ขอบคุณภาพประกอบจาก : https://i.ytimg.com/vi/bZC5NLQC790/maxresdefault.jpg
Share:

อเมริกาโน.. ถ้วยนั้น

เมื่อครั้ง...ที่พ่อยังอยู่ ด้วยความเป็นอยู่ตามวิถีชาวบ้านอย่างพอเพียงของพ่อ กาแฟอเมริกาโน่ร้อนรสเข้มภายในร้านหรูซึ่งเป็นสิ่งที่ห่างไกลกันมาก ดิบดีก็แค่กาแฟกระป๋องแช่เย็นร้านชำเจ๊กอู๋ในหมู่บ้านแค่นั้น
                         ภาพโดย Sasin Tipchai จาก Pixabay

ผมพาพ่อมาทำธุระที่ตัวจังหวัดแต่เช้า พอมีเวลาเหลือที่จะแวะพาพ่อนั่งดื่มกาแฟรองท้องกันที่ร้านกาแฟ

                         ภาพโดย Totsayan Yochai จาก Pixabay

ผมสั่ง"เอสเปรสโซ" เสิร์ฟร้อนในเช้านี้ ส่วนพ่อนั้นยังไม่คุ้นชื่อและรสชาติกาแฟ บอกว่าอะไรก็ได้ขอแค่อย่าติดคอ ผมเลยสั่ง "อเมริกาโน่" พร้อมขนมปังสองชุด

                         ภาพโดย StockSnap จาก Pixabay

สักครู่พนักงานนำทุกอย่างที่สั่งจัดวางบนโต๊ะที่เรานั่ง ผมง่วนอยู่กับการอ่านข่าวหนังสือพิมพ์ พ่อคงจะหิวไม่สนใจอื่นใด ยกถ้วยกาแฟขึ้นมาดื่มพร้อมทานขนมปังอย่างสบายอารมณ์

                         ภาพโดย Lolame จาก Pixabay

" รสชาติไม่เหมือนที่ ร้านเจ๊กอู๋ " พ่อพูดเหมือนสะกิดให้ผมรีบดื่มกาแฟก่อนที่จะคลายร้อน
" คิดถึงรสชาติกาแฟกระป๋องร้านเจ๊กอู๋ หละสิ " ผมพูดแหย่พ่อ
" โอ๊ย กาแฟกระป๋องรสชาติมันไม่อร่อยเท่าหรอก ถ้วยนี้กลิ่นกาแฟหอมกรุ่นเชียว "
" อเมริกาโน่ถ้วยแรกในชีวิตใช่มั๊ย พ่อ ? "
" อืม ใช่สิ แต่มันคงแพงน่าดู "
" 60 บาทเอง " ผมบอกพ่อไป

พ่อผงกหัวนิดๆและก็ไม่ได้บอกว่ามันแพงอย่าพาพ่อมาอีก คงมีแค่ความนิ่งเฉย ในบุคลิกภายนอกของพ่อที่ทำให้ผมฉุกคิดว่าพ่อทำงานเหนื่อยมาทั้งชีวิตเพื่อลูกโดยไม่ปริปากบ่นว่าเหนื่อยให้ได้ยินสักคำ

ถ้าหากพ่อมาทำธุระคนเดียวต่อให้หิวแค่ไหนคงไม่เดินเข้าร้านกาแฟนั่งดื่มอเมริกาโนพร้อมขนมปังแบบฟิน ฟิน แน่

                         ภาพโดย rawpixel จาก Pixabay

ผมเรียกน้องผู้หญิงมาเก็บตังส์ ควักแบงค์ห้าร้อยในกระเป๋ายื่นให้ ไม่นานนักน้องผู้หญิงนำถาดเล็ก ๆที่มีตังส์ทอนพร้อมเหรียญสิบสองเหรียญมาให้

ผมไม่คิดมากที่จะให้ตังส์เหรียญเป็นค่าทิป บรรยากาศและรสชาติของกาแฟมันคุ้มค่าเงินที่ต้องจ่ายไป ในขณะที่การใช้จ่ายของพ่อเป็นแบบของพ่อมาตั้งแต่ผมจำความได้

ในปัจจัยสี่พ่อมีทุกอย่าง ไม่รวย ไม่จนอยู่ในระหว่างความพอดีและความพอเพียง ส่งผมเรียนจบมหาวิทยาลัยไม่รู้หมดเงินไปเท่าไหร่

พ่อไม่เคยสอนผมตรง ๆว่าอย่าดื่มกาแฟในร้าน มันสิ้นเปลืองหรือสอนการใช้จ่ายอย่างประหยัดแต่พ่อมักสอนผ่านวิถีที่เรียบง่ายในการครองตน

           ภาพโดย Digital_D_Day_Stock จาก Pixabay

ผมไม่ได้บอกให้ปฏิเสธการใช้จ่ายในรูปแบบเหล่านี้ แค่อยากเล่าถึงรูปแบบการใช้จ่ายและการครองตนของพ่อ

ครั้งที่พ่อยังอยู่..เคยสอนผม ผ่าน " อเมริกาโน่ ร้อน" ถ้วยนั้น ต่างหาก.

Share:

Popular Posts

ขับเคลื่อนโดย Blogger.

Followers

Social Icons

twitterfacebookgoogle pluslinkedinrss feedemail

โพสต์ ยอดนิยม

ไม้เรียวสร้างคน

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

กิจกรรมนักเรียนชั้นป.6 (นาเพียงเก่า)

About Us