การ ใช้ไม้เรียวกับนักเรียนเสมือนดาบ 2 คม
ถ้าครูตีนักเรียนเพื่อระบายอารมณ์ของตนเองแบบไม่มีเหตุผลหรือใช้ไม้เรียว
เกินกว่าคำว่า”เพื่อว่ากล่าวสั่งสอนให้หลาบจำ”
ก็ต้องมีเรื่องมีราวขึ้นโรงขึ้นศาลกันไป ส่วนผลกระทบทางอ้อมอาจเกิดขึ้นต่อภาวะจิตใจของนักเรียนเองโดยอาจแสดง
พฤติกรรมแนวต้านออกมา ส่วนตัวผู้เขียนเองสนับสนุนให้ครูได้ใช้ไม้เรียวเหมือนเดิมแต่การใช้ไม้
เรียวทำโทษเด็ก
ครูผู้ใช้ต้องมีเหตุผลอบรมชี้แจงให้เด็กเข้าใจก่อนทำโทษเพราะขึ้นชื่อ ว่า”ครู”เปรียบเสมือนพ่อแม่คนที่สองเด็กนักเรียนย่อมเชื่อฟังเป็นพื้นฐานใน
จิตใจของเขาอยู่ก่อนแล้ว ครูต้องมีจิตใจโอบอ้อมอารีรักเมตตาเป็นเบื้องต้น
ไม่ใช่ใช้ไม้เรียวกับนักเรียนจนขาดสติ
ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการลงโทษนักเรียนและนักศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๘ ให้ความหมายว่า
“การลงโทษ” หมาย ความว่า
การลงโทษนักเรียนหรือนักศึกษาที่กระทำความผิด
โดยมีความมุ่งหมายเพื่อการอบรมสั่งสอน ....ข้อ ๖
ห้ามลงโทษนักเรียนและนักศึกษาด้วยวิธีรุนแรง หรือแบบกลั่นแกล้ง
หรือลงโทษด้วยความโกรธ หรือด้วยความพยาบาท โดยให้คำนึงถึงอายุของนักเรียนหรือนักศึกษา
และความร้ายแรงของพฤติการณ์ประกอบการลงโทษด้วยการลงโทษนักเรียนหรือนักศึกษา
ให้เป็นไปเพื่อเจตนาที่จะแก้นิสัยและความประพฤติไม่ดีของนักเรียนหรือนัก
ศึกษาให้รู้สำนึกในความผิด และกลับประพฤติตนในทางที่ดีต่อไป

การใช้ไม้เรียวเพื่ออบรมบ่มนิสัยนั้น
ส่วนตัวคิดว่าสมควรใช้กับระดับประถมเพราะเด็กวัยนี้เป็นช่วงวัยที่สมควรได้
รับการอบรมสั่งสอนมากกว่าช่วงวัยอื่น ๆ
เขาพร้อมรับกับสิ่งที่เราปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรม เมื่อเติบโตจิตสำนึกที่ดีงามจะกำหนดวุฒิภาวะทัศนคติและคุณธรรมในการดำเนิน
ชีวิตของเขาเอง ถ้าใช้
ไม้เรียวในระดับมัธยมแล้วบางครั้งมันก็ไม่เกิดประโยชน์อะไรเท่าไหร่หรือจำ
เป็นต้องใช้จริง ๆ
ก็ควรใช้อย่างมีวิจารณญาณเพราะเด็กวัยนี้ความคิดความอ่านควบคุมยาก
บางครั้งครูเองอาจจะควบคุมอารมณ์ตนเองไม่อยู่พลอยจะยุ่งกันไปใหญ่ สุภาษิตที่ว่า”รักวัวให้ผูกรักลูกให้ตี”หรือ”ไม้เรียวสร้างคนให้เป็น
รัฐมนตรี”นำมาใช้ในสมัยนี้แล้วอาจจะไม่ได้ผลเท่าที่ควรในทุกครอบครัว
เพราะเด็กสมัยนี้บางคนก็ไม่กลัวอะไรเลยแถมหัวหมออีกต่างหากยิ่งถ้าผู้ปกครอง
รักลูกตนเองแบบถวายหัวพ่วงด้วยนักสิทธิมนุษยชนออกมาร่ายรำด้วยยิ่งหนักเข้า ไปใหญ่
ประสาแค่ไม้เรียว “ชิว ๆ”..
สังคมปัจจุบันปฏิเสธไม่ได้ว่าส่วนหนึ่งมักเลี้ยงลูกด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่
หรือใช้เงินดูแลแทนตนเองเสมอเพราะไม่มีเวลาต้องหาเงินเช้าค่ำ
ก็น่าเห็นใจไม่รู้จะติงตรงไหนมันพ่วงเป็นลูกโซ่แบบมีเหตุผลไปหมด
ก็ได้แต่ช่วยกันตระหนักคิดในสิ่งเหล่านี้กันให้มาก ๆ
จากกระแส
สังคมมุ่งเน้นจากกรณีลงโทษเด็กนักเรียนของครูเกินกว่าเหตุที่มีให้เห็นเป็น
ประจำตามหน้าสื่อซึ่งสอดคล้องกับการใช้กำลังไม่ใช่ทางออกของการแก้ปัญหาของ ครูที่มีต่อเด็กนักเรียน
ยิ่งปัจจุบันพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 มาตรา 26 ระบุว่า”....ไม่ว่าเด็กจะยินยอมหรือไม่ ห้ามมิให้บุคคลใด...กระทำ
หรือละเว้นการกระทำอันเป็นการทารุณกรรมต่อร่างกายจิตใจของเด็ก...” กรอบของกฎหมายทำให้ครู ดูจะมีบทบาทน้อยลงทุกทีนอกจากมีหน้าที่สอนหนังสือไปวัน
ๆ ครูที่มีเจตนาดีต้องการลงโทษด้วยความรักอยากให้เด็กสำนึกผิดก็ไม่กล้าที่จะ
ทำหรือลงโทษเด็กที่ผิดเพราะมันหมิ่นเหม่ต่อกฎหมายที่ขีดเส้นกำกับไว้และไม่
มั่นใจว่าทำลงไปแล้วจะมีเรื่องมีราวและเสียเวลา
จนทำให้ครูลืมบทบาทหน้าที่ขั้นพื้นฐานของครูไปแต่ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่ามันได้
จำกัดสิทธิของครูโดยไม่รู้ตัว
เมื่อครูลดบทบาทของตนเองลง หากมองสังคมแห่งอนาคตคงเยียวยาลำบาก
สภาพสังคมไทยในปัจจุบันก็เป็นอย่างข่าวที่พบเห็นนับวันจะรุนแรงขึ้น
การใช้ไม้เรียวของครูหรือผู้ปกครองเป็นวิธีที่ดีสำหรับเด็ก ๆ
ที่ทำผิดต้องถูกทำโทษโดยสมเหตุสมผล
การใช้ไม้เรียวทำโทษเด็กนักเรียนต้องทำด้วยความรักความเมตตาต้องอบรมสั่งสอน
ให้รู้ผิดรู้ถูกหรือการลงโทษด้วยการทำสิ่งที่ดีแทนไม้เรียวเช่นการบำเพ็ญ
ประโยชน์ต่อส่วนรวมหรือชุมขนถือเป็นแนวคิดที่สร้างสรรค์และที่สำคัญพ่อแม่
ควรเป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่ลูกซึ่งเด็กจะจดจำในสิ่งที่ผู้ใหญ่ทำเป็น ตัวอย่าง
ไม่ใช่ว่าเข้าข้างลูกอย่างไร้เหตุผลจน”แย่งไม้เรียวออกจากมือครู” ไม้เรียวไม่ได้สร้างคนให้เป็นคนดีแต่เป็นเพียงเครื่องมือที่ใช้ในการกำราบ
เด็กดื้อนอกลู่นอกรอย แต่ความเอาใจใส่ดูแลด้วยความรักความเมตตาต่างหากที่สร้างคนให้เป็นคน
ดี......
Poon / ปลายพฤษภาคม 2555
youtube/Arenu100
Porn tube
ตอบลบผมได้ดีเพราะไม้เรียวที่ครูตี...ลูกศิษย์. ม.ศ.ล.#2532
ตอบลบ