ผีกองกอย มีจริงหรือ ?



                   ตอนผมยังเป็นเด็ก ผมมักเล่นหยอกล้อกับพวกพี่ๆก่อนนอนทุกคืนจนคุณแม่ชักรำคาญ มักจะบอกว่าถ้าพวกเอ็งไม่ยอมหลับยอมนอนคืนนี้หละก็ ผีกองกอย จะมากินตับพวกเอ็งทุกคน เท่านั้นหละทุกคนต้องหลับสนิทศิษย์หามลง..นอนหลับปุ๋ยเพราะกลัวผีกองกอยกัน  ผีกองกอยนิทานผีปรัมปราของชาวอีสานมีเรื่องเล่าว่าผีกองกอยเป็นผีป่าชนิดหนึ่ง ลักษณะรูปร่างเป็นผีที่มีขาข้างเดียว บ้างก็ว่ามีปากเป็นท่อเหมือนแมลงวัน เดินด้วยการกระโดดไปด้วยขาเดียว และส่งเสียงร้องเบาๆว่า "กองกอย กองกอย"

               ว่าด้วยความเชื่อ ผีกองกอยจะดูดเลือดจากหัวแม่เท้าของคนที่ค้างแรมในป่า วิธีป้องกันคือ ให้นอนไขว้ขาหรือชิดเท้าทั้งสองข้างและอย่านอนเอาขาหรือเท้าออกนอกเต็นท์ ไม่งั้นจะเกิดอันตรายได้  ผีกองกอยเป็นผีที่มีครอบครัว อาศัยอยู่ในถ้ำหรือโพรงไม้ ออกหากินโดยจับปลากินตามลำห้วยหรือแม่น้ำ บางครั้งก็ขโมยปลาหรือข้าวของของผู้คน อีกทั้งยังเชื่อว่า ผีกองกอยชอบเดินถอยหลัง และพูดอะไรที่ตรงข้ามกับความจริงเสมอ อีกทั้งยังเชื่ออีกว่า ผีกองกอยมีทรัพย์สินสมบัติมาก บางครั้งหากไปพบทรัพย์สมบัติหรือตกอยู่กลางทางในป่าโดยไม่ทราบ ว่าใครเป็นเจ้าของ ห้ามเก็บมา เพราะอาจเป็นทรัพย์สินสมบัติของผีกองกอย ผีกองกอยจะตามมาทวงคืน ด้วยการล้วงควักตับไตไส้พุงกินเป็นอาหารได้ในเวลาหลับ ว่ากันด้วยความเชื่อในตัว ผีกองกอย นะครับ และมีนิทานจะเล่าให้ฟังโดยการค้นหาในอินเตอร์เน็ต นี่หละ ถ้าอยากฟัง มา..มา ปูเสื่อนั่งฟังกันเร็วววว
          
                       กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว(ตามสูตร) มีเรื่องเล่าว่า มีชายคนหนึ่งอยู่ในหมู่บ้านเชิงเขา มีอาชีพจับปลา เช้าวันหนึ่งเมื่อเขาไปตรวจดูตาข่ายดักปลาปรากฏว่าไม่มีปลาติดเลย จนกระทั่งตกเย็นเขาก็ต้องกลับบ้านมือเปล่า เพราะไม่ได้ปลากลับไปแม้สักตัวเดียว เป็นอย่างนี้ทุกๆวัน  สร้างความสงสัยให้กับตัวเองยิ่งนัก เขาพยายามที่จะเสาะหาต้นสายปลายเหตุด้วยการเดินสำรวจในบริเวณนั้นอย่างละเอียดจนพบกับรอยเท้า เล็กๆ ขนาดเท่ากับเท้าเด็กย่ำไปมา เขาจึงได้เดินตามรอยเท้านั้นไป
                    จนกระทั่งมาถึงถ้ำแห่งหนึ่ง เขาหยุดอยู่เพียงชั่วครู่เพื่อชั่งใจ แล้วในที่สุดก็ตัดสินใจเดินเข้าไปในนั้น แล้วก็ได้พบกับหญิงสาวร่างเล็ก มีเส้นผมออกสีแดงๆ แต่ปลายเท้ากลับไปอยู่ด้านหลัง ซึงต่างจากคนปกติทั่วไป ชายหนุ่มตกใจ ไม่คิดว่าภาพที่เห็นตรงหน้านั้นจะเป็นคนแม้แต่น้อย ใช่แล้ว เขาคิดว่ามันคงเป็นผีกองกอย อย่างที่เล่าขานแน่นอน
                       เมื่อหล่อนหันมาเห็นเขา เขาก็ถึงกับทรุดตัวอ้อนวอนร้องขอชีวิต ผีกองกอยจึงได้ขอคำสัญญาจากเขาว่า นอกจากจะต้องเชื่อฟังคำของหล่อนแล้ว ยังต้องยอมเป็นสามีของหล่อนอีกด้วย และสิ่งที่เขาจะได้จากการยอมทำตามนั้นก็คือทรัพย์สมบัติต่างๆ มากต่อมากตราบเท่าที่ใจต้องการ
                       
                     ขอเพียงแค่มีหน้าทีแค่เฝ้าถ้ำระหว่างที่หล่อนออกไปหาอาหารข้างนอก เขายอมตกลงในที่สุดเพราะคิดไปถึงวันหนึ่งข้างหน้าว่า เขาจะต้องหาทางหนีเอาตัวรอด หลายวันผ่านไป เขาก็เริ่มสังเกตว่าผีกองกอยนั้นมักพูดจาตรงข้ามกับความเป็นจริงเสมอ หากบอกว่าหล่อนจะหายไปนาน แต่ก็จะกลับมาอย่างเร็ว และเมื่อบอกว่าจะกลับมาเร็วก็หมายความว่าหล่อนจะหายไปอีกนานเลยทีเดียว
                       
                   
เย็นวันหนึ่งผีกองกอยออกจากถ้ำและบอกเขาว่า จะออกไปข้างนอกสักครู่หนึ่งประเดี๋ยวก็กลับ เขาฉุกคิดว่าคงใช้เวลาอีกนานกว่าที่หล่อนจะกลับมา และนี่เป็นโอกาสทองที่เขาจะหนีหล่อนแล้ว คิดได้ดังนั้นชายหนุ่มก็เก็บทองใส่ถุงหนีออกจากถ้ำไปอย่างรวดเร็ว
                       หลังจากที่ชายหนุ่มหนีไปไม่นานนัก ผีกองกอยก็กลับมาและเมื่อเห็นว่าถ้ำว่างเปล่าจึงรีบติดตามเขาไปทันที และด้วยเหตุที่ไม่ใช่คน ผีกองกอย สามารถตามชายหนุ่มผู้ได้ชื่อว่าเป็นสามีจนทัน ชายหนุ่มเองก็มีความเฉลียวฉลาดพอตัวจึงแกล้งทำเป็นล้มลง แล้วเอาศีรษะซุกเข้าไปในโพรงดิน เมื่อผีกองกอยตามมาทันก็ร้องบอกให้เขากลับไปอยู่กับหล่อน แต่ชายหนุ่มไม่ยอมขยับเขยื้อนตัวเลย
                       ในที่สุดผีกองกอยก็เปลี่ยนท่าทีใหม่ เมื่อใช้ไม้แข็งไม่ได้ก็ใช้ไม้อ่อนเสียหล่อนหันมาพูดกับเขาอย่างอ่อนหวานและ สัญญากับเขาต่างๆ นานา เพื่อจะให้เขาออกมาจากโพรงดินนั้น แต่เขาก็ยังคงนิ่งเฉย จนกระทั่งผีกองกอยเอานิ้วจี้ไปที่เอวของเขา เพื่ออยากรู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่หรือไม่ แต่ชายหนุ่มก็ทำตัวแข็งทื่อไม่ยอมกระดุกกระดิกบ้าจี้ตาม                     
                       ทันใดนั้นเอง ผีกองกอยก็ได้กลิ่นตุๆ จากการผายลมของชายหนุ่มกลิ่นนั้นทำให้ผีกองกอยคิดว่าสามีของหล่อนตาย แล้ว หล่อนมีความเสียใจมากร้องไห้สะอึกสะอื้น  แล้วจัดการฝังศพของขายหนุ่ม เอาถุงทองวางไว้ข้างๆ ตัวเขาด้วย เสร็จแล้วก็กลับไปยังถ้ำของหล่อน ชายหนุ่มทนอึดอัดอยู่จนถึงเวลาค่ำ จึงได้ลุกขึ้นวิ่งหนีกลับบ้านไป
                       เมื่อเขากลับไปถึงบ้านก็ได้เล่าเรื่องนี้ให้ใครต่อใครฟัง ในจำนวนนั้นมีชายคนหนึ่งเป็นคนขี้อิจฉาประกอบกับมีความละโมบ จึงคิดจะเอาอย่าง  เขาได้ทำตามชายหนุ่มคนแรกทุกอย่าง เริ่มด้วยการเอาตาข่ายไปดักปลา แล้วก็เดินตามรอยเท้าไปจนถึงถ้ำผีกองกอย กระทั่งได้เป็นสามีนางกองกอย มีหน้าที่เฝ้าสมบัติไม่ต่างกันกับชายคนแรก
                       ต่อมาก็หาจังหวะหนีโดยได้ขนเงินทองหนีออกจากถ้ำ แต่ไม่นานนักผีกองกอยก็ตามทันแต่ให้บังเอิญด้วยความละโมบของเขาที่โลภขนเงิน ขนทองมาหลายถุงจึงทำให้หนักวิ่งไม่สะดวก เมื่อหันไปเห็นผีกองกอยวิ่งไล่กระชั้นชิดเข้ามาก็จำเป็นต้องโยนทึ้งเสียบ้าง กระทั่งวิ่งมาถึงไร่เขาก็ทรุดตัวลง แล้วเอาศีรษะชุกเข้าไปในหลุม แกล้งทำเป็นตายเช่นเดียวกับที่คนแรกได้เคยทำมาแล้วผีกองกอยเข้ามา ถึงก็พูดเช่นเดียวกันกับที่เคยพูด และเมื่อเห็นเขาไม่เคลื่อนไหว ผีกองกอยก็เอานิ้วจิ้มไปที่เอวของชายคนนี้ แต่เขาเป็นคนบ้าจี้พอถูกจี้เข้าก็หัวเราะออกมา ผีกองกอยก็พลอยหัวเราะไปด้วย และและได้ร้องออกมาว่า"กองกอย กองกอย" แล้วก็กินตับไตไส้พุงของชายโลภคนนี้จนถึงแก่ชีวิต....จบ

กระซิบเบาๆว่า...กองกอยมีจริงแค่นิทาน โปรดใช้วิจารณญาณในการมโน คืนนี้หลับฝันดี นะครับบบบ


 ....พูลศักดิ์  อุดมเดช...
        15052558



ขอบคุณที่มาข้อมูล :http://th.wikipedia.org/wiki/กองกอย
                            http://board.goosiam.com/lotto/html/0038422.html
ขอบคุณที่มาภาพ : http://www.tumnandd.com/ผีกองกอย-เสียงร้องในไพร/

https://worldfable.wordpress.com/มาอ่านนิทานกันเถอะ/นิทานเรื่องผี/นิทานผีก่องก่อย-ผีกองกอ



                     
Share:

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Popular Posts

ขับเคลื่อนโดย Blogger.

Followers

Social Icons

twitterfacebookgoogle pluslinkedinrss feedemail

โพสต์ ยอดนิยม

ไม้เรียวสร้างคน

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

กิจกรรมนักเรียนชั้นป.6 (นาเพียงเก่า)

About Us